fbpx

Ford RMA

15 วิธีดูแลรถหลังน้ำท่วม

15 วิธีดูแลรถหลังน้ำท่วม

15 วิธีดูแลรถหลังน้ำท่วม

ในสถานการณ์ของน้ำท่วมนั้นหลายคนที่มีรถยนต์คงจะวิตกไม่น้อยเนื่องจากระดับน้ำนั้นค่อนข้างที่จะควบคุมได้ยาก และด้วยสถานการณ์ของใครหลายหลายคนที่จะต้องเดินทางไม่ว่าจะเป็นการไปทำงานหรือทำเรื่องที่จำเป็นจึงไม่สามารถหลีกเลี่ยงที่จะใช้รถได้ รถใครหลายๆ คนอาจจะแค่ลุยน้ำในระดับตื้นเพียงเท่านั้นแต่สำหรับสถานการณ์ที่ผ่านมาเหตุการณ์ที่เกิดน้ำท่วมที่มีความลึกมากจึงทำให้รถจมไว้ใต้น้ำหลายหลายวัน แน่นอนว่าจะต้องมีเอฟเฟคเกิดขึ้นหลายจุดกับตัวรถ สำหรับคุณหรือใครนั้นอาจจะไม่ทราบวิธีที่จะต้องรับมือกับสิ่งที่เกิดขึ้น ดังนั้นบทความนี้จะเสนอการดูแลรถหลังน้ำท่วมให้คุณได้รู้วิธีจัดการกับรถที่คุณรัก

บทความนี้จะเสนอวิธีการดูแลรถหลังน้ำท่วม 15 วิธีง่ายๆ ที่คุณจะรู้กับวิธีการจัดการในแต่ละขั้นตอน เริ่มตั้งแต่ที่คุณสามารถประเมินสถานการ์ของตัวรถเพื่อให้คุณจดจำรายละเอียดต่างๆ ข้อบกพร่อง ร่องรอยหรือสิ่งที่จะต้องซ่อมแซม รวมไปถึงการคาดคะเนคำนวณค่าใช้จ่ายและวิธีการดูแลตั้งแต่ภายในห้องเครื่อง ภายในรถไปจนถึงการดูแลกลิ่น และรักษาความสะอาดภายในรถอีกด้วย 

แน่นอนว่าจุดสำคัญที่เราจะต้องดูไม่ได้มีเพียงแต่ระดับน้ำที่ท่วมเมื่อเทียบกับตัวรถ แต่เราจะต้องดูรายละเอียดสำคัญอย่างเช่น ตัวช่องแอร์ ผ้าเบรค สนิมรวมไปถึงระบบไฟฟ้าที่จะต้องดูแลเป็นพิเศษ เพราะสิ่งแรกที่ใครหลายหลายคนพบเจอ เมื่อรถของคุณได้ประสบปัญหากับการลุยน้ำนั่นก็คือ น้ำที่เข้าห้องเครื่องจนทำให้ระบบห้องเครื่องมีปัญหานั่นเอง และวิธีต่างๆที่เรานำมาเสนอนั้นจะมีรายละเอียดที่บ่งบอกถึงข้อสำคัญว่าทำไมคุณถึงไม่ควรทำและควรทำว่าแล้วเราไปดูกันเลยว่ามีอะไรบ้างที่คุณจำเป็นที่จะต้องจัดการเพื่อดูแลรถที่คุณรักกลับมาสภาพดีเหมือนเดิม


1

ประเมินะระดับน้ำที่ท่วม

ก่อนตัดสินใจที่จะลุยน้ำให้คุณประเมินสถานการณ์ความเป็นไปได้ก่อน หากระดับน้ำที่ไม่เกิน 15 ซม.หรือไม่เกินครึ่งล้อ ถือว่าเป็นระดับที่คุณสามารถนำรถไปได้ แต่หากจำเป็นต้องลุยน้ำท่วมเกินครึ่งล้อจริงๆ อย่าแรกที่คุณต้องทำก็คือปิดระบบเครื่องปรับอากาศทั้งหมดในรถ ใช้เกียร์ต่ำตลอดการขับ และอย่าลืมที่จะเร่งเครื่องไว้ตลอดทางเพื่อไม่ให้เครื่องยนต์ดับในตอนที่คุณลุยน้ำอยู่นั่นเอง 


2

ตรวจเช็คน้ำมันเครื่อง

อยากที่บอกไปก่อนหน้าหากคุณต้องลุยน้ำเกินครึ่งล้อ ต้องมีการตรวจเชคหล่ยๆอย่าง อย่างถัดมานิกจากวัดระยะแล้วคือ การตรวจเช็คน้ำมันเครื่องให้ดีเผื่อว่าหากมีน้ำเข้าไปผสมอยู่ ในกรณีที่คุณสงสัยว่าน้ำเข้าเครื่องยนต์นั้น ให้สังเกตที่สีของน้ำมันเครื่องจะกลายเป็นสีน้ำนม ให้คุณรีบเปลี่ยนน้ำมันเครื่องพร้อมไส้กรองทันที


3

เช็คระบบเบรค

หลังจากที่ผ่านการลุยน้ำแล้วแน่นอนว่าจะทำให้ผ้าเบรครถของคุณนั้นเปียก เกิดจากการลุยน้ำจึงทำให้มีความชื้นสะสมอยู่นั่นเองดังนั้นจานเบรกอาจเกิดสนิมได้ง่ายเลยล่ะ วิธีง่ายๆที่คุณสามารถทำให้ไม่เกิดสนิมหรือทำให้สนิมหายไปได้นั่นก็คือการขัด หรือใช้น้ำยา ในส่วนของผ้าเบรกกรณีที่ถ้าไม่ร่อนผ้าเบรคออกจากแผ่นแล้วนั้น คุณควรหาอุปกรณ์เพื่อใช้ลมเป่าความชื้นบนผ้าเบครให้แห้ง 


4

ตรวจสอบระบบไฟฟ้า 

สิ่งอันตรายอันดับแรกๆเลยที่คุณหรือใครหลานคนอาจพบเจอ การนำรถลุยน้ำอาจเป็นการทำให้พัดลมหน้าเครื่อปั่นหรือตีน้ำขึ้นสู่ห้องเครื่องได้อย่างง่ายดาย และน้ำอาจซึมเข้าทางพื้นรถได้ง่าย ดังนั้นคุณควรตรวจเช็คห้องเครื่อง และพื้นรถอย่างละเอียด เพราะว่าบริเวณพื้นรถนั้นเป็นบริเวณจุดรวมสายไฟฟ้า และกล่องควบคุมของรถยนต์ ถือว่าเป็นส่วนที่สพคัญอีกที่หนึ่งเลย ดั้งนั้นวิธีการที่จะช่วยให้รถของคุณปลอดภันนั่นก็คือ หากในกรณที่มีน้ำซึมเข้ามาวิธีง่ายๆคือควรไล่ความชื้นด้วยการเป่าลม หรือใช้สเปรย์ไล่ความชื้นก็จะสะดวกกับคุณมากกว่า  และอย่าลืมที่จะทดสอบการใช้งานของอุปกรณ์ทั้งหมดอีกครั้งด้วยล่ะ เพื่อที่คุณจะได้มั่นใจว่ารถของคุณปลอดภัยไม่มีปัญหาอะไร


5

ตรวจสอบพื้นพรมของรถ

การดูแลรถหลังน้ำท่วมหลังจากที่รถผ่านการลุยน้ำแล้วหากคุณตรวจสอบพบว่าพื้นพรมของรถนั้นเปียกเล็กน้อยเป็นบางจุดเท่านั้น คุณก็ไม่ต้องกังวลใจหรือนำรถเข้าศูนย์แต่อย่างใด วิธีง่ายๆเพียงแค่คุณนำรถจอดตากแดดแล้วละก็สามารถไล่ความชื้นได้ แต่อย่าลืมว่าในขณะที่ไล่ความชื้นนั้นให้คุณเปิดประตูทั้ง 4 ด้านเพื่อระบายกลิ่น และความอับชื้นด้วย ในกรณีที่พรมของรถนั้นเปียกทั้งหมด หรือน้ำเข้ารถคุณควรถอดพรม เบาะออกเพื่อนำไปทำความสะอาดด้วยการตากให้แห้งเพื่อขจัดกลิ่นอับและฆ่าเชื้อโรค 


6

ถอดแบตเตอรี่

เพื่อป้องกัดไฟฟ้าลัดวงจร คุณควรถอดแบตเตอรี่ออกโดยไว วิธีง่ายๆที่คุณไม่ต้องถอดหรือยกแบตออกนั่นก็คือ เพียงคุณนำขั้วออกหนึ่งข้างจะเป็นด้าน บวก หรือ ลบ เพียงแค่นี้ก็จะไม่มีไฟไปเลี้ยงระบบต่าง ๆ ภายในรถยนต์


7

ถ่ายรูป

การที่น้ำท่วมนั้นระดับน้ำมีความสำคัญอย่างมาก เพื่อยืนยันความจำของคุณจะไม่ผิดพลาดแน่นอนนั่น การถ่ายรูปก็เป็นวิธีที่ง่ายจะเป็นหลักฐานชั้นดี ในขณะที่น้ำท่วมสูงสุดให้คุณถ่ายภาพไว้จะได้รู้ว่าถึงจุดไหนของรถคุณ เพื่อตรวจเช็คความเสียหายได้สะดวกและง่ายขึ้นนั่นเอง


8

โทรเรียกประกัน

หากรถของคุณมีประกันแล้วละก็ให้คุณโทรเรียกประกันทันที หลังจากที่น้ำลดลงให้โทรตามประกันมาเพื่อประเมินความเสียหายทั้งหมด เพื่อแจ้งเคลมต่อศูนย์บริการต่อไป 


9

ลากรถเข้าศูนย์บริการ

หลังจากที่คุณเรียกประกันเพื่อประเมินความเสียหายทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นทั้งภายนอกหรือภายในของรถแล้วนั้น ให้แจ้งบริษัทประกันเพื่อลากรถเข้าศูนย์บริการ พร้อมเอกสารว่าจะรับผิดชอบการเคลมรถ 


10

ตรวจความเสียหาย 

หลังน้ำลดคุณตรวจสอบความเสียหายของรถโดยละเอียด ทั้งภายในและภายนอก 


11

อย่าสตาร์ทเครื่องยนต์ 

ข้อที่สำคัญที่สุดเลยคือห้ามคุณสตาร์ทรถ เนื่องจากการสตาร์ทเครื่องยนต์อาจทำให้เครื่องยนต์ได้รับความเสียหาย สิ่งที่มากับน้ำสามารถสร้างความเสียหายต่อระบบเครื่องยนต์ได้ และความจริงที่ว่ารถที่แช่น้ำนานๆ จะมีความชื้นจะสามารถสร้างความเสียหาย ทำให้ไฟฟ้าลัดวงจรได้นั่นเอง


12

จดจำรายละเอียด

การที่จะส่งรถที่รักไปซ่อมแซมความเสียหายนั้น ควรรายงานรายละเอียดต่างๆที่สำคัญเพื่อความสะดวกในการเคลม หรือซ่อมจุดต่างๆ อย่างเช่น ระดับน้ำที่รถคุณฝ่าไป ร่องรอยบนรถของคุณหรือจุดสังเกตอื่นๆที่อาจเกอดความเสียหายได้ เพื่อเป็นประโยชน์ต่อการตรวจสอบทางด้านต่างๆ ของช่าง ทำให้สามารถทำงานได้รวดเร็วขึ้น


13

คำนวนค่าซ่อม

แน่นอนว่าหากรถของคุณมีประกันคุณก็คงไม่ต้องกังวลใจอะไรโดยเฉพาะหากคุณทำประกันชั้นหนึ่ง เพียงแค่คุณโทรเรียกพร้อมแจ้งเคลมน้ำท่วมก็คงเป็นเรื่องง่ายสบายกระเป๋า แต่หากตุณต้องส่งซ่อมเองคุณจะปวดหัวกับมันอย่างแน่นอน อย่างน้อยคุณก็ควรต้องรู้คร่าวๆบ้างว่าอะไรที่จะเสียหายบ้าง เพื่อประเมินค่าใช้จ่ายที่ต้องเสียหลังลุยน้ำท่วมในหนึ่งครั้ง


14

ทำความสะอาด

หลังจากที่คุณซ่อมหรือบำรุงเครื่องยนต์ภายในแล้ว สิ่งต่อไปที่สำคัญที่จะต้องทำเลยก็คือ บริเวณภายในรถ การแช่น้ำนานๆอาจทำให้เกิดความเสียหายต่อเบาะ ยิ่งถ้ารถของคุณเป็นเบาะผ้าแล้วละก็เรื่องใหญ่เลยล่ะ ดังนั้นขั้นแรกเลย หากคุณไม่อยากที่จะล้างรถเอง หรือคิดว่าคุณไม่สามารถที่จะล้างให้สะอาดเอี่ยมให้คุณส่งรถสุดที่รักไปคาร์แคร์ เพื่อล้างภายในอย่างละเอียด อย่างการถอดพรม-ซักเบาะ และทุกอย่างให้สะอาดหมดจด แน่นอนว่าสะอาดกว่าคุณล้างเองแน่นอน 

อย่าลืมว่าหากรถขิงคุณเจอสถานการณ์ที่น้ำท่วมมิดฟรือระดับที่คุณไม่สามารถนำรถลุยน้ำได้ แน่นอว่าน้ำจะต้องเข้าในส่วนของแอร์แน่นอนดังนั้นเรื่องกลิ่นก็คงต้องกระทบต่อส่วนแอร์แน่นอน ความคิดที่จะล้างตู้แอร์ก็จะเป็นการดีแน่นอน โดยเฉพาะถือโอกาสนี้เปลี่ยนน้ำยาแอร์เผื่อน้ำอาจจะซึมเข้าระบบ หรือเปลี่ยนไส้กรองแอร์ด้วย เพราะส่วนใหญ่ เมื่อโดนน้ำแล้วกลิ่นจะติดฝังแน่นเลยล่ะ ลองคิดดูกลิ่นอับภายในรถแล้วหากเปิดแอร์ลมที่พ่นออกมาก็ยิ่งอับไปใหญ่ หารขับรถของคุณคงไม่ใช่เรื่องที่คุณอยากจะทำอีกต่อไปแน่นอน


15

สนิม 

สนิม เพื่อนสนิทที่มาพร้อมกับน้ำ นอกจากภายในที่ต้องระวังแล้วตัวถังก็ต้องเชคด้วยนะ การดูแลรถหลังน้ำท่วมแน่นอนว่าต้องจุกจิกหลายจุด เพราะเพียงแค่รอยเล็กๆอาจจะทำให้เกอดสนิมได้ซึ่งสามารถทำให้เกิดการผุและเสียหายได้ในท้ายที่สุด

สิ่งที่คุณต้องมี

สเปรย์กันชื้น

Shopee : https://shopee.co.th/product/23532510/9490135920?smtt=0.130476056-1660005614.9

สเปรย์กันสนิม

Shopee : https://shopee.co.th/product/179839657/6355215144?smtt=0.130476056-1660005805.9


ขอบคุณข้อมูล : www.sanook.com

——————— Ford RMA ยินดีให้บริการ ———————

ติดต่อรับรถเข้าศูนย์บริการ : 02-407-0999
ID Line : @fordrma.th
Link LINE : https://lin.ee/mmPcYDU
ฟอร์ดกัลปพฤกษ์ : 02-416-1555
ฟอร์ดพระราม4 : 02-713-6000
ฟอร์ดราชพฤกษ์ พระราม5 : 02-432-6599
Google Map ฟอร์ดกัลปพฤกษ์ : https://g.page/FordKalpapruek?share
Google Map ฟอร์ดอาร์เอ็มเอ สาขาพระราม 4 : https://g.page/FordRama4RMA?share
Google Map ฟอร์ดราชพฤกษ์ พระราม5 : https://g.page/fordrama5?share
Facebook : https://www.facebook.com/Cityfordrma/
Website : https://www.fordrma.com/

ลงทะเบียนรับส่วนลด

0
    ตะกร้าสินค้า
    ตะกร้าสินค้าว่างเปล่ากลับสู่ร้านค้า
    Chat with us!
    Instagram