Ford RMA

ทำไม Ford Ranger ถึงเป็นกระบะที่คนเล่นออฟโรดเลือกใช้?

[Cover content] Ford Ranger - กระบะออฟโรด Ford website - July 2025

Ford Ranger: กระบะออฟโรดตัวจริงที่สายลุยเลือกใช้

Ford Ranger กระบะพันธุ์อึดที่กระออฟโรดที่ได้รับกระแสดีอย่างต่อเนื่อง อะไรที่เป็นสาเหตุที่ทำให้ฟอร์ด เรนเจอร์กลายเป็นกระบะที่คนเล่นออฟโรดเลือกใช้ ด้วยสมรรถนะที่โดดเด่น ความทนทาน และความสามารถในการปรับแต่งที่หลากหลาย และรูปลักษณ์ภายนอกที่ถูกออกแบบมาอย่างคูล ขับไปไหนก็โดนเด่นสะดุดตา ทำให้เรนเจอร์กลายเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ สำหรับการผจญภัยบนเส้นทางหฤโหด กระบะออฟโรดคันนี้ไม่ได้มีดีแค่สายลุย พร้อมตะลุยไปได้ทุกที่ไม่ว่าจะเป็นเส้นทางไหนก็ตาม

สมรรถนะเครื่องยนต์และระบบขับเคลื่อนที่เหนือกว่า

Ford Ranger เหนือกว่าอีกขั้น ด้วยการพัฒนาเครื่องยนต์เพื่อสายออฟโรดอย่างต่อเนื่อง ด้วยระบบการขับเคลื่อนแบบ 4X4 จะที่ช่วยเพิ่มแรงยึดเกาะและการควบคุมรถในสภาพเส้นทางที่ท้าทาย ทำงานควบคู่กัระบบ Terrain Management System (TMS) ช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการขับขี่บนสภาพเส้นทางที่หลากหลาย เพื่อให้รถมีสมรรถนะสูงสุดและสามารถควบคุมรถในแต่ละสถานการณ์ได้อย่างดีเยี่ยม โดยมีกลไกในการทำงาน ดังนี้

  • การตอบสนองของเครื่องยนต์ (Throttle Response): ปรับความไวในการตอบสนองของคันเร่ง
  • การเปลี่ยนเกียร์ (Transmission Shift Points): กำหนดจังหวะการเปลี่ยนเกียร์ให้เหมาะสมกับโหมดที่เลือก
  • ระบบควบคุมการทรงตัว (Electronic Stability Control – ESC) และระบบควบคุมการลื่นไถล (Traction Control – TC): ปรับการทำงานของระบบเหล่านี้เพื่อเพิ่มหรือลดการจำกัดการหมุนฟรีของล้อ เพื่อให้ได้แรงยึดเกาะสูงสุด
  • พวงมาลัยพาวเวอร์ไฟฟ้า (EPAS – Electric Power-Assisted Steering): ปรับน้ำหนักและความรู้สึกหน่วงของพวงมาลัย
  • โหมดการขับขี่หลักมีให้เลือกอย่างหลากหลาย เพื่อให้ตอบโจทย์การขับขี่ได้อย่างดีเยี่ยม
  1. Normal (ปกติ): เหมาะสำหรับการขับขี่บนถนนลาดยางทั่วไปในชีวิตประจำวัน ทั้งในเมืองและนอกเมือง สร้างความสมดุลในการขับขี่ 
  2. Eco (ประหยัด): เหมาะสำหรับการประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง ช่วยปรับการตอบสนองของเครื่องยนต์และเกียร์ให้เน้นการประหยัดพลังงานมากยิ่งขึ้น
  3. Tow/Haul (ลากจูง): เพื่อการลากจูงรถพ่วง หรือบรรทุกของหนักโดยเฉพาะ เพิ่มกำลังในการลลากจูงและช่วยเรื่องการเบรกเครื่องยนต์
  4. Slippery (ถนนลื่น): เพื่มประสิทธิภาพการขับขี่ขณะฝนตก ถนนเปียก, หญ้า, กรวด, หิมะ ทำให้รถสามารถยึดเกาะพื้นผิวได้ดี ลดการตอบสนองของคันเร่ง ปรับการทำงานของระบบควบคุมการทรงตัว ป้องกันล้อหมุนฟรี เพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการใช้งาน
  5. Mud/Ruts (โคลน/ร่องลึก): ออกแบบมาเพื่อการขับขี่บนเส้นทางออฟโรดที่มีโคลนลึก, ร่องดิน, หรือพื้นผิวที่ขรุขระมาก โหมดนี้จะมีการปล่อยให้ล้อฟรีในบางช่วง เพื่อช่วยสลัดโคลนและรักษาสมดุลการทรงตัว เพิ่มแรงบิดไปยังล้อทั้งสี่
  6. Sand (ทราย): เพิ่มอัตราการรักษาโมเมนตัมในการเคลื่อนที่บนทราย ปรับการตอบสนองของคันเร่งขึ้น และค้างเกียร์นานขึ้นเพื่อส่งกำลังไปยังล้ออย่างต่อเนื่อง
  7. Rock Crawl (ปีนป่ายหิน – ใน Ranger Raptor หรือ Wildtrak บางรุ่น): สามารถปีนป่ายบนทางหินขรุขระ จำเป็นต้องใช้ความเร็วต่ำมาก และแรงบิดจะนวนมาก เพื่อควบคุมรถให้วิ่งผ่านไปได้ด้วยความช้าแต่มั่งคง
  8. Baja (เฉพาะใน Ranger Raptor):ปรับการตอบสนองของเครื่องยนต์ เกียร์ ช่วงล่าง และระบบควบคุมการทรงตัว ให้พร้อมสำหรับการขับขี่ด้วยความเร็วสูงบนพื้นผิวที่ขรุขระมากที่สุด

ช่วงล่างที่แข็งแกร่งและทนทาน

อีกหนึ่งจุดขายที่ได้รับกระแสยอมรับจากผู้ใช้งานจริง แสดงให้เห็นถึงจุดเด่นของ Ford Ranger ความแข็งแกร่งเฉพาะตัวที่หาจากที่ไหนไม่ได้นี้

  • โครงสร้างแชสซีส์ (Chassis Frame) แบบขั้นบันได (Ladder Frame) ที่แข็งแกร่งเป็นพิเศษ ฟอร์ดคัดสรรโครงสร้างแชสซีส์แบบขั้นบันได ที่ได้รับการออกแบบและเสริมความแข็งแรงเป็นพิเศษ สามารถรองรับน้ำหนักทั้งหมดของรถ และดูดซับแรงกระแทกจากการขับขี่บนพื้นผิวที่หลากหลาย
  • ระบบช่วงล่างด้านหน้าแบบอิสระ (Independent Front Suspension – IFS) พร้อมปีกนกคู่ (Double Wishbone) เสริมสมรรถนะการขับขี่ให้ดียิ่งขึ้น ด้วยการออกแบบปีกนกคู่ช่วยให้ล้อหน้าแต่ละข้างทำงานได้อย่างอิสระ ทำให้มีการยึดเกาะถนนที่ดีขึ้น โดยเฉพาะเมื่อขับผ่านพื้นผิวที่ไม่เรียบ เพิ่มความสามารถในการบังคับทิศทางและลดการกระแทกที่ส่งมายังห้องโดยสาร ขับสบาย ทุกเส้นทาง
  • ระบบช่วงล่างด้านหลังแบบแหนบ (Leaf Spring) จุดศูนย์กลางในการรองรับน้ำหนักทั้งคันรถ ทนทานต่อการใช้งานหนัก ไม่ต้องกังวลเรื่องการบำรุงรักษาจุกจิก ให้เสถียรภาพที่ดีเยี่ยม แม้ขณะบรรทุกเต็มที่ นอกจากนั้นยังถูกออกแบบมาให้มีความสัมพันพันธ์กับโช้คอัพ เพื่อประสิทธิภาพการดำเนินงานเหนือไปอีกระดับ
  • ระยะสูงจากพื้น (Ground Clearance) ที่เหมาะสม แน่อนว่าช่วงล่างต่ำกับการออฟโรด เป็นอะไรที่อยู่ขั้วตรงข้ามกันมากๆ เส้นทางที่ขรุขระหรือดินโคลนทำให้ยากต่อการคาดเดาระยะสูงที่แท้จริง ด้วยความสูงจากกระบะออฟโรดคันนี้จึงทำให้หมดปัญหาเหล่านี้ ก้าวผ่านทุกอุปสรรในทุกพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นทางถนนธรรมดา ร่องลึก หรือจะบุกป่าฝ่าดงก็มั่นใจได้เลย

เทคโนโลยีแสนชาญฉลาด

  • ระบบ SYNC®4A และหน้าจอสัมผัสขนาดใหญ่: Ford Ranger มาพร้อมหน้าจอสัมผัสแนวตั้งขนาดใหญ่ 10.1 นิ้ว หรือ 12 นิ้ว ที่ทำงานร่วมกับระบบ SYNC®4A ซึ่งเป็นระบบอินโฟเทนเมนต์รุ่นล่าสุดของฟอร์ด สามารถเชื่อมต่อแบบไรสายผ่านระบบ Apple CarPlay® และ Android Auto™ ได้อย่างสะดวกสะบาย ความพิเศษไม่ได้จบเพียงเท่านี้ กระบะออฟโรดจากฟอร์ดยังสามารถสั่งการด้วยเสียง โดยไม่จำเป็นจต้องละสายตายจากถนน
  • กล้องมองรอบคัน 360 องศา และหน้าจอออฟโรด: ให้มุมมองจากด้านบนลงล่าง, มุมมองด้านหน้า 180 องศา, และมุมมองด้านหลัง พร้อมด้วย “หน้าจอออฟโรด” ที่ออกแบบมาโดยเฉพาะ ช่วยให้มองเห็นสภาพแวดล้อมรอบคันได้อย่างชัดเจน โดยเฉพาะเมื่อต้องจอดรถในที่แคบ หรือขับขี่ในเส้นทางออฟโรดที่เต็มไปด้วยอุปสรรค โดยหน้าจอจะแสดงผลจากกล้องด้านหน้า/หลัง พร้อมลักษณะเส้นทาง และสามารถเข้าถึงการควบคุมฟังก์ชันสำคัญๆ ของรถได้เป็นอย่างดี
  • ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูง (ADAS – Advanced Driver-Assistance Systems): ระบบ ADAS ที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยและความสบายในการขับขี่อย่างเหนือชั้น อัดแน่นด้วยเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องมากมาย อาทิ
  1. ระบบควบคุมความเร็วแบบรักษาระยะห่างอัตโนมัติ (Adaptive Cruise Control with Stop & Go): ระบบจะรักษาระยะห่างจากรถคันหน้าโดยอัตโนมัติ และสามารถลดความเร็วลงจนหยุดนิ่งได้เมื่อรถติด และจะเร่งความเร็วกลับสู่ที่ตั้งเมื่อการจราจรเคลื่อนตัว
  2. ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทาง (Lane Keeping System) พร้อมระบบเตือนเมื่อรถออกนอกเลน (Lane Departure Warning): ช่วยตรวจจับเส้นแบ่งเลนและเตือนผู้ขับขี่เมื่อรถกำลังจะออกนอกเลนโดยไม่ตั้งใจ และสามารถช่วยบังคับพวงมาลัยเพื่อนำรถกลับเข้าสู่เลนได้ ลดอัตราการเกิดอบัติเหตุบนท้องถนน
  3. ระบบตรวจจับรถในจุดบอด (Blind Spot Information System – BLIS) พร้อมระบบตรวจจับขณะออกจากช่องจอด (Cross-Traffic Alert): แจ้งเตือนเมื่อมีรถอยู่ในจุดอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน และแจ้งเตือนเมื่อมีรถเคลื่อนผ่านขณะถอยออกจากช่องจอด
  4. ระบบช่วยการหักพวงมาลัยเพื่อเลี่ยงการปะทะ (Evasive Steering Assist): ระบบจะช่วยเพิ่มแรงบังคับพวงมาลัยให้ง่ายขึ้น เพื่อให้ผู้ขับสามารถหักหลบสิ่งกีดขวางได้อย่างรวดเร็วและปลอดภัย
  5. FordPass Connect: เทคโนโลยีสุดล้ำจากฟอร์ด ที่สามารถเชื่อต่อรถเข้ากับสมาร์ทโฟนได้อย่างง่ายดาย สามารถสตาร์ทรถ, ล็อก/ปลดล็อกประตู, และเปิด/ปิดเครื่องปรับอากาศได้จากระยะไกล นอกจากนี้ยังสามารถดูข้อมูลเชิงสถิติได้อีกด้วย เช่น ระดับน้ำมัน, แรงดันลมยาง, ตำแหน่งรถ, และแจ้งเตือนเมื่อถึงกำหนดบำรุงรักษา

กระบะพันธุ์อึดจากฟอร์ด แข็งแกร่งสมชื่อ ไม่ว่าจะเป็นเส้นทางไหนก็ไม่มีหวั่น พร้อมผจญภัยไปทุกที่กับเทคโนโลยีสุดล้ำ ที่ทำให้รถออฟโรดกลายเป็นรถที่ชาญฉลาดและทันสมัย มอบประสบการณ์การขับขี่เหนือไปอีกขั้น สายออฟโรดต้องไม่พลาด!


ขอบคุณข้อมูล : วิธีใช้ Fordpass App , โหมดควบคุมการขับขี่ทั้งหมด , ศักยภาพรถยนต์

ลงทะเบียนรับส่วนลด

0
    ตะกร้าสินค้า
    ตะกร้าสินค้าว่างเปล่ากลับสู่ร้านค้า
    Instagram