
EcoBlue vs V6 เจาะลึกขุมพลัง Ford ที่สุดแห่งความแรงและคุ้มค่า!!
ฟอร์ด (Ford) ยืนหนึ่งด้านขุมพลังเครื่องยนต์ ที่หลากหลายและแข็งแกร่ง ด้วยการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่ มาผสมผสาน กับความทนทาน ได้อย่างลงตัว ปัจจุบัน เครื่องยนต์หลัก ที่ขับเคลื่อนรถยนต์ฟอร์ด คือตระกูล EcoBlue และ V6 ซึ่งต่างก็มีจุดเด่น และสมรรถนะที่น่าสนใจ ในวันนี้เราจะพาไปทำความรู้จัก กับขุมพลังอันดุดัน ของเครื่องยนต์ ทั้งสองตระกูลนี้ ให้ดียิ่งขึ้นกว่าเดิม
เครื่องยนต์ EcoBlue คืออะไร?
Ford EcoBlue คือชื่อตระกูลเครื่องยนต์ ดีเซลเทอร์โบ (Turbodiesel) รุ่นใหม่ล่าสุด ที่ฟอร์ดพัฒนาขึ้น ถูกนำมาใช้ครั้งแรกในปี 2016 เพื่อแทนที่ตระกูลดีเซล รุ่นก่อนหน้าอย่าง TDCi และ Duratorq (ดูราทอร์ค)
โดยคำว่า Eco มาจากชื่อเครื่องยนต์เบนซิน EcoBoost ของฟอร์ด ส่วน Blue หมายถึงการใช้ ของเหลวสูตรน้ำ (AdBlue) ในระบบบำบัดไอเสีย ซึ่งทำหน้าที่เปลี่ยนไนโตรเจนออกซิเจนในไอเสีย ให้กลายเป็นไนโตรเจนและน้ำ
EcoBlue ถือเป็นขุมพลังดีเซลยุคใหม่ ที่ได้แรงบันดาลใจ จากความสำเร็จ ของตระกูลเบนซิน EcoBoost โดยเน้นที่สามปัจจัยหลักคือ ความประหยัดเชื้อเพลิง การปล่อยมลพิษต่ำ และ ความนุ่มนวลในการทำงาน จึงออกแบบให้มีสมรรถนะที่ยอดเยี่ยม ควบคู่ไปกับการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

คุณสมบัติเด่นของ EcoBlue
สมรรถนะ : เทคโนโลยีหลัก ใช้ระบบฉีดเชื้อเพลิงแบบ Common Rail ที่แรงดันสูง บางรุ่นใช้ Bi-Turbo (เทอร์โบคู่) เพื่อเพิ่มกำลัง และแรงบิดในรอบต่ำได้ดีขึ้น มีกำลังเครื่องยนต์เพิ่มขึ้น 20%
ประสิทธิภาพ : มีการปรับปรุงโครงสร้าง เครื่องยนต์อย่างมาก เพื่อลดเสียงรบกวน และการสั่นสะเทือนขณะเดินเบา ช่วยให้ทำงานเงียบกว่ารุ่นเดิม
ความประหยัด : ออกแบบมา เพื่อให้มีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงที่ดีขึ้น ประหยัดน้ำมันได้ดีขึ้น 13% และปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ลดลง 10%
ลดมลพิษ: ใช้เทคโนโลยีการบำบัดไอเสียที่ซับซ้อน เพื่อให้ผ่านมาตรฐานการปล่อยมลพิษ Euro Stage 6 ที่เข้มงวดของยุโรป ลดการปล่อย ไนโตรเจนออกไซด์ ลง 55% เมื่อเทียบกับมาตรฐาน Euro 5
รุ่นรถยนต์ Ford ที่ใช้เครื่องยนต์ EcoBlue
เครื่องยนต์ EcoBlue ถูกใช้งานอย่างกว้างขวางในตลาดโลก โดยเฉพาะในยุโรป
- รถยนต์นั่งส่วนบุคคล เช่น Ford Mondeo, S-Max, Puma, Galaxy, Kuga, EcoSport, Focus และ Fiesta
- รถยนต์เพื่อการพาณิชย์ เช่น Ford Ranger, Transit Custom และ Tourneo Custom
โดย Ford Ranger และ Ford Everest รวมถึงรุ่น 2.0 ลิตร เทอร์โบเดี่ยว และ Bi-Turbo มีวางจำหน่ายในประเทศไทย
เครื่องยนต์ V6 คืออะไร?

เครื่องยนต์ V6 ของฟอร์ด เป็นขุมพลังทางเลือกที่หลากหลาย และทรงประสิทธิภาพสำหรับรถยนต์ ที่ต้องการสมรรถนะเหนือกว่า เครื่องยนต์ 4 สูบ โดยฟอร์ดได้แบ่งเครื่องยนต์ V6 ออกเป็นหลายตระกูล ตามประเภทเชื้อเพลิง และวัตถุประสงค์การใช้งาน ซึ่งมี 2 ตระกูลหลัก ที่เป็นที่รู้จักในตลาดปัจจุบัน

1. EcoBoost V6 (เบนซิน) เป็นเครื่องยนต์เบนซิน V6 ที่เน้นความแรง และ ประสิทธิภาพสูง ด้วยการใช้เทคโนโลยี Twin-Turbochargers (เทอร์โบคู่) ร่วมกับระบบฉีดเชื้อเพลิงโดยตรง (Direct Injection)
2. Power Stroke V6 (ดีเซล) เป็นเครื่องยนต์ V6 ดีเซลเทอร์โบที่เน้นแรงบิดมหาศาล และ ความนุ่มนวลในการทำงาน สำหรับรถกระบะและ SUV ขนาดใหญ่
คุณสมบัติเด่นของเครื่องยนต์ V6

สมรรถนะ: โดยเฉพาะรุ่นดีเซล V6 สามารถให้กำลังสูงสุด ประมาณ 250 แรงม้า (PS) และแรงบิดสูงสุด ถึง 600 นิวตันเมตร
ประสิทธิภาพ: ให้พละกำลัง และแรงบิดมหาศาล สำหรับการลากจูง และการขับขี่ออฟโรด ที่หนักหน่วง
ความนุ่มนวล: มอบความนุ่มนวล ในการทำงานที่เหนือกว่า เครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ ทำให้ประสบการณ์ขับขี่ ดีขึ้นอย่างชัดเจน
ความประหยัด: เครื่องยนต์ EcoBoost V6 สามารถมอบสมรรถนะ ระดับ V8 ได้ในขนาดที่ประหยัดน้ำมันกว่า V8 ทั่วไป

รุ่นรถยนต์ Ford ที่ใช้เครื่องยนต์ V6
ฟอร์ดได้นำเครื่องยนต์ V6 มาใช้กับรถยนต์หลายรุ่น โดยเฉพาะในกลุ่มรถกระบะ, SUV ขนาดใหญ่, และรถสมรรถนะสูง ดังนี้
1. Power Stroke V6 (ดีเซล) เครื่องยนต์ดีเซล V6 เทอร์โบ 3.0 ลิตร ถูกนำมาใช้กับรถยนต์รุ่นเรือธง ในตลาดเอเชียแปซิฟิกและไทย เช่น
- Ford Ranger Wildtrak V6: กระบะรุ่นท็อป
- Ford Everest Platinum: SUV PPV ระดับพรีเมียมของฟอร์ด
2. EcoBoost V6 (เบนซิน) เครื่องยนต์เบนซิน V6 เทอร์โบคู่ มักถูกติดตั้งในรถสมรรถนะสูง และรถกระบะขนาดใหญ่ ในตลาดโลก เช่น สหรัฐอเมริกา
- Ford Ranger Raptor (รุ่นท็อป): ใช้เครื่องยนต์ 3.0 ลิตร V6 EcoBoost Twin-Turbo
- Ford F-150 / F-150 Raptor: รถกระบะขนาดใหญ่
- Ford Bronco Raptor: SUV สายลุยสมรรถนะสูง
- Ford GT: ซูเปอร์คาร์สมรรถนะสูง
- Ford Expedition: SUV ขนาดใหญ่

เครื่องยนต์ V6 เหมาะสำหรับใคร
สรุปแล้ว เครื่องยนต์ V6 ให้ความสำคัญกับ พละกำลังสำรอง แรงบิดสูงสุด และความนุ่มนวลในระดับพรีเมียม จึงเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการ ความสามารถในการทำงานหนัก ที่เครื่องยนต์ 4 สูบไม่สามารถให้ได้
เทียบความต่าง EcoBlue vs V6
จุดประสงค์หลัก
EcoBlue เน้นการเป็นขุมพลังดีเซลยุคใหม่ที่ สะอาด ประหยัดเชื้อเพลิง และเงียบ เพื่อใช้ในรถยนต์ส่วนบุคคลและเชิงพาณิชย์ทั่วไป
V6 เน้นพละกำลัง แรงบิดมหาศาล และความนุ่มนวล สำหรับรถยนต์ระดับพรีเมียม รถบรรทุกขนาดใหญ่ และรถสมรรถนะสูง
เครื่องยนต์
EcoBlue เป็นเครื่องยนต์ 4 สูบ เน้นการประหยัดพื้นที่และต้นทุนการผลิต
V6 เป็นเครื่องยนต์ 6 สูบ ให้ความสมดุล และความนุ่มนวล ในการทำงาน ที่เหนือกว่า 4 สูบ
เชื้อเพลิง
EcoBlue เป็นดีเซลเท่านั้น
V6 มีทั้งตระกูล EcoBoost (เบนซิน) และ Power Stroke (ดีเซล) ให้เลือก
สรุปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเครื่องยนต์ EcoBlue หรือ V6 ของฟอร์ด ต่างก็ถูกออกแบบมา ให้มอบสมรรถนะอันยอดเยี่ยม ควบคู่ไปกับความทนทาน และความประหยัด แต่ตอบโจทย์การใช้งานที่แตกต่างกัน หากคุณต้องการขุมพลังดีเซล ที่ประหยัด คุ้มค่า ทนทาน และสะอาดตามมาตรฐานสากล เครื่องยนต์ EcoBlue คือคำตอบ แต่หากต้องการพละกำลัง และแรงบิดมหาศาล สำหรับการขับขี่แบบออฟโรด เครื่องยนต์ V6 คือตัวเลือกที่ตอบโจทย์เหนือกว่า
ข้อมูลอ้างอิง : https://www.motortrend.com/ , https://www.ford.com.au , https://www.fordcomponentsalesllc.com , https://www.fordrma.com , https://media.ford.com/ , https://fordauthority.com/