fbpx

Ford RMA

8 สิ่งขับรถอย่างไรไม่ให้เกียร์พัง

8 สิ่งขับรถอย่างไรไม่ให้เกียร์พัง

8 สิ่งขับรถอย่างไรไม่ให้เกียร์พัง

เกียร์อัตโนมัติเปรียบเสมือนส่วนสำคัญของรถที่ช่วยขับเคลื่อน โดยจะได้รับกำลังจากเครื่องยนต์และส่งไปยังล้อทั้งสี่หากมีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นกับเกียร์ หากระบบเกียร์พังอาจต้องใช้เงินจำนวนมากในการซ่อมแซมหรือเปลี่ยน ดังนั้นจึงควรดูแลระบบเกียร์ให้ใช้งานได้นานขึ้น อย่าลืมว่าหากเกียร์มีปัญหา ส่งผลต่อความปลอดภัยของคุณ ว่าแต่จะมีวิธีขับรถอย่างไรไม่ให้เกียร์พัง และยืดอายุการใช้งาน ดังนั้นลองมาดูวิธีถนอมเกียร์อย่างถูกวิธีกัน

1. หยุดเปลี่ยนเกียร์ขณะรถวิ่ง

เคล็ดลับง่ายๆในการดูแลเกียร์คือก่อนเปลี่ยนเกียร์ควรเหยียบเบรก ก่อนเปลี่ยนเกียร์ทุกครั้งเพื่อป้องกันไม่ให้เกียร์เสียหาย โดยเฉพาะหากรถเป็นแบบเกียร์ธรรมดา การทำเช่นนี้เป็นการถนอมเกียร์ของเราให้มีอายุการใช้งานที่ยาวขึ้น ไม่พังง่ายๆ

2. เลิกคิกดาวน์โดยไม่จำเป็น

บางครั้งเมื่อผู้คนต้องการไปเร็วขึ้นหรือหลีกเลี่ยงบางสิ่งบางอย่างบนท้องถนน พวกเขาเหยียบคันเร่งแรงมาก สิ่งนี้เรียกว่าคิกดาวน์ แต่หากทำบ่อยเกินไปอาจส่งผลเสียต่อส่วนของรถที่ช่วยให้วิ่งเร็วขึ้นได้ อาจทำให้เสื่อมสภาพเร็วกว่าปกติได้ ค่อยๆเร่งไปเพื่อดูแลรถกันดีกว่า

3. อย่าใส่เกียร์ว่าง (N) แล้วปล่อยรถไหล

หากรถติดแล้วคุณเข้าเกียร์ N แล้วปล่อยให้รถไหลไปเรื่อยๆ นั้นไม่ใช่เรื่องดี การทำแบบนี้นั้นจะส่งผลต่อการทำงานของระบบ ทำให้เกิดความร้อนสูงกว่าปกติ ส่งผลเสียต่อน้ำมันหล่อลื่นทำให้มีประสิทธิภาพลดน้อยลง นั่นก็คือน้ำมันเกียร์เสื่อมนั่นเอง ส่งผลให้เกิดความเสียหายของเครื่องยนต์ได้ ดังนั้นหากรถติดแล้วยังใช้วิธีเข้าเกียร์ว่าง แล้วปล่อยให้รถไหล รถอาจพังไวขึ้น

4. ไม่ขับลากเกียร์

ในขณะที่คุณกำลังเพิ่มความเร็ว แต่เลือกเมื่อรถวิ่งเร็วขึ้นแต่เข้าเกียร์ผิดจุดทำให้เกิดปัญหาใช้เกียร์ธรรมดาในตำแหน่งที่ไม่ถูกต้อง คือการขับลากเกียร์ จะส่งผลให้เครื่องยนต์ทำงานหนักมากกว่าปกติ ทำให้เครื่องยนต์ทำงานหนักขึ้นส่งผลต่อชุดเกียร์ และทำให้เกียร์สึกเร็วขึ้น น้ำมันที่ช่วยหล่อลื่นเกียร์ยังเสื่อมสภาพไวอีกด้วย และที่สำคัญทำให้รถใช้น้ำมันมากกว่าปกติ นั่นก็คือเปลืองน้ำมันนั่นเอง

5. ใช้เบรกมือ เมื่อจอดบนทางลาดชัน

หากจำเป็นต้องจอดรถบนทางลาดชัน สิ่งสำคัญคือต้องใช้เบรกมือและเข้าเกียร์ P เพื่อป้องกันไม่ให้รถไหล หากคุณไม่ใช้เบรกมือ เกียร์อาจหนักเกินไปเนื่องจากการทำงานที่ไม่ถูกต้อง และเพื่อเลี่ยงไม่ให้สลักเกียร์ต้องรับน้ำหนักของรถที่มากเกินไป หากอยากถนอมเกียร์อย่าลืมใช้เบรกมือและเข้าเกียร์ที่  P  เมื่อจอดรถบนทางลาด

6. รอรถหยุด ค่อยเข้าเกียร์ R

ก่อนที่คุณจะสามารถถอยรถหรือเข้าเกียร์ R คุณจำเป็นต้องเหยียบเบรกให้รถนิ่งก่อน เพราะการเปลี่ยนเกียร์เดินหน้าถอยหลัง จะเกิดแรงหมุนที่สวนทางกัน ดังนั้นรอให้รถนิ่งจะช่วยถนอมเกียร์ และป้องกันอันตรายต่อชุดเฟือง สายพาน และลูกปืนต่างๆ ได้

7. ควรเข้าเกียร์ N หากรถติด

หากรถติด สิ่งสำคัญคือต้องระวังเกียร์ของรถ หากคุณเหยียบเบรกและเข้าเกียร์อยู่ในโหมดขับเคลื่อน (เข้าเกียร์ D ไว้)เป็นเวลานาน ชุดเกียร์จะทำงานอยู่ และหากทำแบบนี้นานเกินไป อาจทำให้เกียร์ทำงานหนักขึ้นและสึกหรอเร็วขึ้นได้ ดังนั้นหากรถติดเกิน 2 นาที ควรเข้าเกียร์ ว่าง (เข้าเกียร์ N) และดึงเบรกมือเพื่อป้องกันไม่ให้รถกลิ้ง และถนอมเกียร์ของเราให้ใช้งานได้นานขึ้นอีกด้วย

8. คอยเช็คน้ำมันเกียร์

คุณต้องเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ในรถยนต์ทุกๆ 6 เดือนหรือปีละสองครั้งหรือเมื่อขับไปแล้วประมาณ 40,000 – 60,000 กิโลเมตร ช่วยให้ระบบเกียร์ทำงานได้ดี วิธีสังเกตน้ำมันเกียร์ว่าเสื่อมสภาพหรือไมสามารถเช็กได้จากสี หากคุณดูน้ำมันแล้วเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลหรือดำ เป็นสัญญาณเตือนว่าถึงเวลาที่ต้องเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ หากน้ำมันดูขุ่นก็ไม่ควรอยู่ในรถนานจนเกินไปเพราะจะทำให้เกียร์สึกหรอได้ ดังนั้นควรหมั่นตรวจสภาพน้ำมันเกียร์อยู่ตลอด

น้ำมันเกียร์เสื่อมดูอย่างไร

หากขณะขับรถแล้วเกิดอาการผิดปกติตามอาการด้านล่างนี้  ให้คุณเข้าศูนย์เพื่อตรวจสภาพโดยด่วนเพราะอาจเป็นเพราะน้ำมันเกียร์เสื่อมสภาพ หากปล่อยไว้นานจะเกิดความเสียหายกับรถยนต์อย่างมาก

  1. เข้าเกียร์ในตำแหน่ง D หรือ R แล้วรถออกตัวยาก
  2. มีอาการกระตุกเมื่อเข้าเกียร์ D หรือ R
  3. จังหวะการเปลี่ยนเกียร์สะดุด บางครั้งก็มีอาการวืด
  4. เปลี่ยนตำแหน่งเกียร์ยากขึ้น
  5. มีกลิ่นไหม้
  6. มีเสียงดังในจังหวะขับขี่หรือเมื่อต้องเปลี่ยนตำแหน่งเกียร์

เทคนิคการเลือกน้ำมันเกียร์ 

ขั้นแรก คุณต้องเลือกประเภทเกียร์ให้เหมาะกับรถของคุณ มีสองประเภท: แบบแมนนวลและแบบอัตโนมัติ แล้วต้องดูชนิดของน้ำมันที่เข้าเกียร์ด้วย คู่มือรถจะบอกว่าควรใช้น้ำมันชนิดใด โดยรถใช้งานทั่วไปที่ใช้ในไทย โดยทั่วไปคู่มือมักจะระบุเป็นน้ำมันเกียร์ธรรมดา SAE 80W-90 มาตรฐาน GL-4 หรือ GL-5

หากคุณมีรถยนต์ที่มีเกียร์ธรรมดา คุณจะต้องใช้น้ำมันชนิดพิเศษที่เรียกว่าน้ำมันเกียร์ธรรมดา แบรนด์ยอดนิยมคือวาโวลีน แต่หากรถของคุณมีเกียออโต้ทั่วไปที่เป็นเกียร์แบบ Step AT คุณจะต้องใช้น้ำมันประเภทอื่นที่เรียกว่าน้ำมันเกียร์อัตโนมัติ (ATF) ประเภทของ ATF ที่คุณใช้นั้นขึ้นอยู่กับประเภทของเกียร์อัตโนมัติที่รถของคุณมี คู่มือสำหรับรถยนต์ของคุณจะบอกให้คุณใช้ ATF ที่ตรงตามมาตรฐาน Dexron

Maxlife ATF เป็นน้ำมันพิเศษสำหรับรถยนต์ที่ช่วยให้ระบบเกียร์อัตโนมัติทำงานได้อย่างราบรื่น เป็นน้ำมันที่ดีมากที่ตรงตามมาตรฐานสูงสุดที่เรียกว่า Dexron 6 รถยนต์หลายคันสามารถใช้น้ำมันนี้ได้ แต่หากรถของคุณมีระบบเกียร์แบบอื่นที่เรียกว่า CVT หรือ DCT คุณจะต้องใช้น้ำมันอื่นที่ผลิตมาเพื่อสิ่งนั้นโดยเฉพาะ คุณไม่สามารถใช้ Maxlife AT Fแทนได้

หากคุณเป็นมือใหม่หัดขับหรือผู้ที่ขับรถบ่อยๆ จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเข้าใจการดูแลและบำรุงรักษาเกียร์ธรรมดาและเกียร์อัตโนมัติอย่างเหมาะสมตามคำแนะนำของเรา คุณสามารถมั่นใจได้ว่าระบบเกียร์ของรถของคุณจะยังสุขภาพดี หลีกเลี่ยงพฤติกรรมบางอย่างที่อาจสร้างความเสียหายให้กับระบบเกียร์ ไม่ว่าคุณจะมีประสบการณ์การขับขี่แบบใดก็ตาม หากคุณสังเกตเห็นปัญหาใดๆ เกิดขึ้นกับรถยนต์ ควรเข้าไปพบช่างมืออาชีพให้ตรวจเช็ก นอกจากนี้ หมั่นดูแลรถและตรวจสภาพเป็นประจำจะช่วยถนอมรถของคุณ


ข้อมูล : https://youtu.be/IZAHP9G4RLs?si=TokKpnkjGr5eQS7y

ลงทะเบียนรับส่วนลด

0
    ตะกร้าสินค้า
    ตะกร้าสินค้าว่างเปล่ากลับสู่ร้านค้า
    Chat with us!
    Instagram